ST Group กับความเงียบงันแห่งความไม่เป็นธรรม — เมื่อความไว้ใจของนักลงทุนท้องถิ่นไร้เสียงในสายตาอนุญาโตตุลาการ ICC มาเก๊า

ในโลกของความร่วมมือทางธุรกิจความไว้วางใจเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่ง เมื่อธุรกิจระหว่างประเทศที่เต็มไปด้วยความหวังถึงความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกัน ST Group คือนักลงทุนท้องถิ่นที่วางใจและเปิดบ้านต้อนรับพันธมิตรต่างชาติอย่าง Sanum ด้วยความคาดหวังว่าจะร่วมสร้างอนาคตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน ทว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับเป็นความผิดหวังอันเจ็บลึก เมื่อพฤติกรรมของคู่สัญญาถูกยอมรับและปล่อยผ่านโดยกระบวนการที่ควรเป็นที่พึ่งสุดท้ายของความเป็นธรรม — อนุญาโตตุลาการ ICC มาเก๊า

เมื่อความไม่ซื่อสัตย์ถูกมองข้ามในคำตัดสิน และมองเป็นแค่ “พฤติกรรมที่ไม่สอดคล้อง”

คณะอนุญาโตตุลาการยอมรับว่า Sanum กระทำการเจรจาโครงการคาสิโนหลายแห่งโดยไม่แจ้ง ST ทั้งที่สัญญาระบุให้เสนอสิทธิร่วมลงทุนก่อน เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงการลืมแจ้งเรื่องเล็กน้อย แต่คือการกระทำที่แฝงด้วยเจตนาแย่งโอกาส และสร้างข้อได้เปรียบโดยไม่ให้ ST ได้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลหรือผลประโยชน์ แต่คณะอนุญาโตตุลาการกลับมองเป็นเพียง “ขั้นตอนเบื้องต้น” ยังไม่ถือเป็นการละเมิดสัญญา

เห็นได้ว่า แม้คณะอนุญาโตฯ จะเห็นว่าการกระทำนั้น “ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณของความร่วมมือ” แต่กลับไม่ถือว่าเป็นการละเมิดโดยสาระสำคัญ เหตุผลนี้ฟังดูเหมือนมีตรรกะทางกฎหมาย ทว่าในทางความเป็นจริง มันคือการเพิกเฉยต่อความรู้สึกของนักลงทุนท้องถิ่นที่ถูกริดรอนความเชื่อใจและศักดิ์ศรีอย่างเงียบงัน

เสียงของ ST ไม่อาจดังพอในสนามที่กฎเกมไม่เท่าเทียม

ST มิใช่บริษัทข้ามชาติ ไม่อาจต่อรองบนเวทีระหว่างประเทศได้ด้วยอิทธิพล สิ่งที่ ST มีคือความเชื่อในระบบที่ควรจะยุติธรรม และความพยายามอย่างเต็มที่ในการปกป้องสิทธิของตน

การยกคำวินิจฉัยของ PCA และ ICSID มาสนับสนุนข้อกล่าวหา ก็กลับถูกปัดตกโดยเหตุเพียงว่า ST ไม่ใช่ “คู่ความ” โดยตรง ทั้งที่เนื้อหาในคำวินิจฉัยเหล่านั้นชี้พฤติกรรมไม่สุจริตของ Sanum อย่างชัดเจน

การยึดติดกับกรอบกฎหมายแคบ ๆ โดยละเลยบริบทของพฤติกรรมซ้ำซาก อาจทำให้กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ICC มาเก๊า กลายเป็นเพียงเวทีของข้อพิพาทเชิงเทคนิค ไม่ใช่เวทีของ “ความยุติธรรมอย่างแท้จริง”

ST ถูกทิ้งไว้ในความเงียบของกฎหมาย

แม้ ST จะร้องเรียนว่า Sanum ปิดบังข้อมูลการเงิน หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และกระทำการที่บ่อนทำลายความไว้วางใจ คณะอนุญาโตฯ ก็ยังยืนยันว่า “ไม่มีบทบัญญัติในสัญญา” ที่รองรับสิทธิของ ST จึงไม่สามารถกล่าวหาว่าผู้ร้องละเมิดได้

คำถามที่สำคัญกว่าคือ: เมื่อระบบสัญญาเขียนขึ้นด้วยอำนาจที่ไม่เท่าเทียม นักลงทุนท้องถิ่นจะมีช่องทางใดในการปกป้องตนเอง?

เสียงสะท้อนของผู้ไร้อำนาจ

ST กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักลงทุนภายในประเทศที่ต้องพึ่งพาระบบยุติธรรมระหว่างประเทศโดยไร้พลังต่อรอง ไม่อาจเข้าถึงความเป็นธรรมเชิงเนื้อหา แม้จะมีข้อเท็จจริงอยู่ในมือ หากก็ไม่อาจสั่นคลอนความเห็นของผู้ตัดสินที่พึ่งเพียงถ้อยคำในสัญญา มากกว่าพฤติการณ์และจริยธรรม

ถ้าแม้แต่การปิดบังโครงการ การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และการบั่นทอนความไว้วางใจ ยังไม่เพียงพอให้อนุญาโตตุลาการ ICC มาเก๊ารับฟัง — แล้วนักลงทุนในประเทศจะฝากความหวังไว้ที่ใด?

แหล่งอ้างอิง